ทักทาย

ตอนนี้ พี่โน้ส เราไปร่วมแจมกับตัน โออิชิแล้ว หาแผ่นมาชมกันนะครับ. ^^

8.27.2009

เดี่ยว8 Live in USA

Udom เดี่ยว 8 Live in USA


ความโดดเด่นของมหานครนิวยอร์ก ผสมผสาน ความอลังการของสถานที่อย่าง Manhattan Center และศิลปินเด็ดๆ อย่าง โน้ส อุดม แต้พานิช (เดี่ยวแปด) มารวมตัวกันอย่างdelicious(ดิ-ลิช-เชิส )

ครั้งนี้เขาไม่ได้มาคนเดียว พาพวกพ้องอย่างวงสินเจริญ และปั่น ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้วมาด้วย ทำให้งานเดี่ยว(แปด)เมื่อวันที่ 16 สิงหาที่ผ่านมา ประสบความสำเร็จอย่างสวยงาม ด้วยจำนวนผู้ชมพันกว่าคนทั่วทุกทิศอย่างBoston, Chicago,New Jersy,Washington DCหรือแม้แต่ไกลอย่างFloridaก็ยังมา

งานนี้คนไทยตั้งใจไปรอคิวก่อนเข้างานกันอย่างอุ่นหนาฝาคั่งประตูเปิดตั้งแต่บ่ายสาม แม้แดดจะร้อนแค่ไหนก็รอกัน เพราะใครมาก่อนก็ได้ก่อน โดยก่อนเริ่มงานนั้นเขามีอาหารการกินให้ได้รองท้องกันก่อนด้วย ไม่ว่าจะเป็นไส้กรอกอีสาน ส้มตำ ขนมไทย ผลไม้หลากหลาย เหมือนว่าเป็นThai cafeteriaขนาดๆย่อมในManhattan Center

เมื่อได้เวลาห้าโมงเย็นพิธีกรท้องถิ่นก็ขึ้นมาเปิดงานแบบเป็นกันเอง สบายๆสไตล์วัยรุ่นนิวยอร์กเกอร์ หลังจากนั้นไม่นานงานก็ประเดิมด้วย วงสินเจริญ บราเธอร์ส พร้อมกับเครื่องดนตรีที่หลากหลาย ทำให้บทเพลงดาวล้อมเดือน ของครูเอื้อ สุนทรสนาน ในเวอร์ชั่นนี้มีกลิ่นไอที่อบอุ่น ละมุนละไมไพเราะไปอีกแบบ สลับกับการทำหน้าที่พิธีกรในแบบฉบับของพวกเขาจนมี วลีเด็ดอย่าง "Delicious"มาให้แซวกันทั้งงาน

นอกจากนั้น "เบิ้น"พี่คนกลางเขาออกมาเล่นโซปราโน ทักทายคนไปรอบงาน พี่คนโต อย่าง"บอม"ไม่ยอมแพ้โซโล กีต้าร์เด็ดๆให้ฟังกันด้วย และไม่พลาดที่จะเล่นเพลงฮิตอย่าง โอ้ย โอ้ย ต้นฉบับแจ้ ดนุพลและตบท้ายด้วยเพลงในอัลบั้มล่าสุดของพวกเขา ."รักแท้" แล้วหลังจากนั้นในชั่วโมงที่สองของงานก็ส่งต่อให้ปั่น ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว ได้โชว์น้ำเสียงที่ไพเราะ แสนโรแมนติก ในบทเพลงที่เป็นอมตะ ฟังได้ตลอดกาลอย่างเพลง"บอกรัก" "รักนิรันดร์" และ"(A Tu CorazOn)สู่กลางใจเธอ" พร้อมทั้งยังมีเพลงแทงข้างหลัง ทะลุหัวใจ ในแบบปั่นๆมาร้องให้ฟังกันด้วย งานนี้คนดูแซวว่า ไม่รู้ว่าเพลง หรือศิลปิน ที่antiqueกว่ากัน

และแล้วเวลาทุ่มครึ่ง ก็เป็นเวลาที่ทุกคนรอคอยก็มาถึง โน้ส อุดม ออกมาในชุดขาว หล่อ เนี้ยบ ตั้งแต่หัวจดเท้า ไม่มีที่ติ บรรดาผู้ชม กรี๊ดต้อนรับอย่างยาวนาน ประหนึ่งไม่ได้ดูมโหรสพดีๆมานานนับปี โน้ส มาหนนี้หอบมุขใหม่ๆ Thailand Onlyมาเพียบ ขำกันตลอดสามชั่วโมงกว่าๆ งานนี้แถมกันจนหยดสุดท้าย ทั้งร้องทั้งฉ่อย ทำเอาคนอึ้งกันไป สำหรับความสามารถของเขา โน้ส อุดม แต้พานิช ต้นแบบThai Stand Up Comedy ก่อนจบงานโน้ส ได้แจกของที่ระลึกเป็นตุ๊กตาแบบโน้สๆ ให้คนดูได้เซอร์ไพส์กันก่อนกลับบ้านด้วย แถมงานนี้โรงละครปิดแล้ว โน้ส ยังไม่วายออกมาทักทาย แฟนๆกันถึงข้างนอก แหม งานนี้บอกได้คำเดียวว่ากันเองสุดๆ ใครไม่ไปเสียดายแบบแย่เพราะได้ดูเดี่ยวแปด ก่อนใครในโลกเชียวนะคุณ

รายงานโดย: อารียา แดงทองดี

8.26.2009

สัมภาษณ์ฮาเฮ “โน้ต อุดม แต้พานิช”




สัมภาษณ์ฮาเฮ “โน้ต อุดม แต้พานิช”


ก่อนขึ้นเวทีแสดง “อุดม ไลฟ์ อิน แอลเอ” ที่ฮอลลีวูดพาลาเดียม ถนนซันเซ็ต ในวันศุกร์ที่ 14 สิงหาคม ”โน๊ต” อุดม แต้พานิช พร้อมทีมงานอันประกอบด้วย “ปั่น” ไพบูลย์เกียรติ เขียวแก้ว, สามพี่น้อง “สินเจริญ” บอม สุทธิศักดิ์, เบิ้ล ธีรยุทธ และบอย ธนัญชัย และมือกลองฝีมือระดับพระกาฬ “สู” สันต์ชัย กุศลพิศาลสุทธิ์ ได้เดินทางมาที่สถานีไอพีทีวี เพื่อจัดรายการพิเศษ “อุดม ไลฟ์ อินแอลเอ สเปเชียล” แพร่ภาพแบบสดๆ เป็นการประชาสัมพันธ์งาน “เดี่ยวแปด” ในอเมริกาของเขา

และนี่คือเนื้อหาของการพูดคุยระหว่าง โน้ต อุดม กับพิธีกร ที่พอจะมีเหลือสอดแทรกอยู่บ้างระหว่างมุกเรียกเสียงหัวเราะของโน้ต และพี่น้องวงสินเจริญ...

ความเป็นมาของ “อุดม ไลฟ์ อิน แอลเอ”

เนื่องมาจากว่าพวกเราทุกคนล้วนมีหนี้สิน หาเงินจำนวนนั้นไปชำระหนี้ แต่ละคนก็แตกต่างกันไป คนนี้ทำบ้านอยู่ ผ่อนรถ หนี้สินสร้างบ้าน คนนี้ไปซื้อที่ปากช่องไว้ กู้แบงก์ คนนี้ขายกลองอยู่ที่อาร์ซีเอ ปีนี้ดนตรีไม่ค่อยคึกคัก ขายกลองไม่ค่อยได้ ขายได้แต่กลองตีงานบวช ส่วนผมก็.. ถึงแม้จะรวยแล้ว อยากทำทานให้น้องๆ มีรายได้

ชวนพี่ปั่นมาร่วมด้วย เพราะชื่นชมพี่ปั่น

พวกเราไม่มีใครชื่นชมพี่ปั่นเลย (หัวเราะ) ทางฝั่งเขาก็ไม่รู้ ไม่กล้าถามเขา นอนคนละห้อง หิวก็มาขอมาม่าพวกเรากิน ผมก็ไม่ได้ชื่นชมอะไรแกมาก เอาน่า โค้งสุดท้ายแล้ว เปล่าๆ เดี๋ยวแกเสียภาพลักษณ์ รักกันๆ อยู่เมืองไทยเราก็เป็นเพื่อนที่ใช้ชีวิตมาด้วยกัน เที่ยวด้วยกัน มาแอลเอ ก็อยากให้โชว์มีครบรส ไม่ใช่ว่าวงร็อคก็ร็อคอย่างเดียว แล้วพวกคุณป้าจะทำอย่างไร เด็กๆ หนูๆ จะไปทางไหน อันนี้มาปั๊บ พี่ป้าน้าอา พี่- ป้า- น้า- อา คนนี้ (ชี้พี่ปั่น) ได้หมด อกหักรักคุดสมหวังอย่างไร คนนี้ได้หมด ส่วนเด็กๆ น้องๆ วัยรุ่น อุ๊ย เครียดมา อารมณ์ร่าเริง เอ็นท์ไม่ติด แม่ด่า แม่จ๋าอย่าด่าหนูเลย มาทางนี้ได้ ชอบดูอะไรหล่อๆ มีหล่อให้ดู (ชี้เบิ้ล ธีรยุทธ) มีเสน่ห์คนนี้ได้ หรืออยากดูบ้าๆ บอๆ ไร้การศึกษาก็คนนี้ (ชี้บอม สุทธิศักดิ์) มิวสิกเชี่ยน ก็เอามืออาชีพมาเลย”

รูปแบบจากการแสดง เหมือนหรือต่างกับการแสดงที่เมืองไทยไหม

สแตนอัพ คอมเมอดี้ คนอยู่อเมริกาคงรู้ดีว่ามันคือการขึ้นไปพูด เล่าโจ๊ก เอาตัวรอดคนเดียวบนเวที อันนี้จะได้เปรียบกว่าคนเมืองไทย เพราะเราคุ้นเคย ความแตกต่างคือเรื่องราวที่เราได้ประสบพบมาในเมืองต่างๆ ได้มาจากการฟังโน่นนี่ ก็เอามาเล่าให้ฟัง ไม่ได้เล่าเปล่าๆ ด้วย เดี๋ยวจะมีช่วงคนนี้ (พี่ปั่น) ขึ้นโชว์ มีช่วงที่เราทั้งหมดจะมาผสมผสานกัน เรียกว่า มิกซ์ตาวซั่น “ผสมพัน (ธุ์)”

มีเสียงบ่นว่าบัตรแพงมาก

ผมก็ไม่รู้ค่าเงินที่นี่ แต่ต้องเห็นใจ เราแชร์กันเยอะ แค่ค่าตัวพี่ปั่นคนเดียวนี่ แกคิดเป็นเพลงครับ ช่วงอินโทรแกคิดต่างหาก

การมาเล่นนอกประเทศแบบนี้ จะมีมุกท้องถิ่นไหม

เป็นปัญหาเหมือนกัน เขาเรียกว่า อินไซด์โจ๊ก แต่ละท้องถิ่น มีโจ๊กที่เป็นอินไซด์ มีวัฒนธรรมของเขาเอง การบ้านของคอมเมอเดี้ยนก็คือว่า ต้องปรับตัวให้เข้ากับพื้นที่นั้นๆ อย่างที่ซานฟรานฯ เราไปเล่น พวกเราโชคดีไปก่อนประมาณ 4 วัน ผมก็ทำการบ้านไป ดูว่าเมืองเขามีอะไร ใครคนไหน อะไรเกิดขึ้นบ้าง แอลเอนี่ฉุกละหุกนิดนึง เพราะเพิ่งมาถึงกัน แต่ก็พยายามเต็มที่...แต่ผมว่าปัญหาไม่ใช่ว่าเราจะหาอะไรพูด ปัญหาคือเราไม่ควรพูดอะไรมากกว่า เพราะเราไม่รู้ว่าที่นี่ ใครเป็นอย่างไร อย่างพี่ ไปล้อมาก เบื้องหลังพี่อาจมีอิทธิพลอย่างมาก อย่างที่เราคิดไม่ถึง แบบนี้

คาดหวังแค่ไหนกับการแสดงครั้งนี้

ผมพูดตรงๆ ผมเล่นเต็มที่ คนจะมีห้าคนผมก็เล่นเต็มที่

ชอบอเมริกาไหม น่าอยู่ไหม

บางเมือง อย่างที่แอลเอนี่ดูกว้างใหญ่เน๊าะ กว้างใหญ่จังเลย จะไปไหนแต่ละที ถ้าไม่มีรถส่วนตัว เดือดร้อน ซานฟรานฯ นี่ มันจะแพ็กรวมกันนะครับ บรรยากาศจะเย็นตอนเช้า พอสายหน่อยอุ่นๆ บ่ายๆ ร้อนนิดๆ ตอนเย็นกลับมาหนาวอีกแล้ว คือมันครบเครื่องที่นั่น ที่นิวยอร์ค ก็จะแบบจอแจมาก จังหวะเมืองมันเร็วมาก ถ้าให้เลือกตอนนี้ ซานฟรานสบาย คล้ายเชียงใหม่ นิวยอร์คคล้ายกรุงเทพ แอลเอคิดว่าน่าจะเป็นแถวขอนแก่น

..........................

6.15.2009

คำคมจากโน๊ต อุดม แต้พานิช


คำคมจากโน๊ต อุดม
"ความเงียบ..." มันอยู่ในลิฟท์ ขณะเราขึ้นไปกับคนแปลกหน้า มันอยู่ในรถ 2 แถว หลังจากเราสบตากับคนที่นั่งตรงข้ามไป 2-3 ครั้งแล้ว มันอยู่ในโรงหนัง ก่อนหนังตัวอย่างจะมา มันอยู่ใต้ท้องทะเล ขณะเราดำน้ำ มันอยู่ในห้องสมุด มันอยู่หลังเสียงแก้วแตก มันอยู่ในห้องเรียน หลังจากครูถามว่า มีใครสงสัยอะไรมั๊ย มันอยู่ในบ้าน ตอนเราเดินปิดไฟทีละดวง ทีละดวง ก่อนเข้านอน มันอยู่ระหว่างคน 2 คนที่ไม่เข้าใจกัน "ความรัก...คล้ายการลอกหัวหอม ระหว่างลอกหอมทีละชั้น ระหว่างการเรียนรู้กันและกันทีละขั้น เป็นธรรมดาที่ต้องมีน้ำตา วันนี้หัวที่เคยหอมหายไปแล้ว หัวหอมไปไกลแต่น้ำตาทำไมยังอยู่ที่เรา"

"กลิ่นของความรัก ก็เช่นเดียวกับห้องน้ำ เข้าไปแรกๆ จะรู้สึกได้กลิ่น อยู่ในนั้นไปนานๆ จะเคยชิน จนลืมไปว่ามีกลิ่นนั้นอยู่ จนกว่าจะออกมาจากบริเวณนั้น และกลับเข้าไปใหม่ ความรักเหมือนรถเมล์ สายที่ไม่ต้องการจะมาก่อนเสมอ เมื่อไหร่รถสายที่รอจะมาหนอ บางทีมาคนแน่นไม่มีที่ แต่ถ้าอายุมากแล้ว รถเมล์เที่ยวสุดท้าย แน่นก็ต้องขึ้น"

"ถ้าเรารักใครสักคน เราควรเปิดโอกาสให้เค้าทำผิดพลาดหลายๆ ครั้ง เพราะเราเองก็ต้องการโอกาสอย่างนั้นเช่นกัน"

5.29.2009

`๏'เปิดหมวกล้วงชีวิต…คิดแบบ โน้ส-อุดม`๏'

`๏'เปิดหมวกล้วงชีวิต…คิดแบบ โน้ส-อุดม`๏'


komchadluek

จากผู้ชายรูปร่างหน้าตาธรรมดา ที่มีจมูกรูปชมพู่โดดเด่น กลายเป็นลักษณะเฉพาะตัว ด้วยความเป็นตัวของตัวเอง บวกกับการสั่งสมประสบการณ์อันชาญฉลาด และนำสิ่งที่ถ่ายทอดสร้างมูลค่าเพิ่มในรูปแบบของทอล์กโชว์ ในชื่อ “เดี่ยวไมโครโฟน” ทำรายได้มหาศาล ส่งพาให้ “โน้ต” อุดม แต้พานิช กลายเป็นผู้ทรงอินทธิพลอีกคนหนึ่งของวงการบันเทิง ที่ไม่ว่าจะหยิบจับทำอะไร ก็ดูเหมือนว่าจะประสบความสำเร็จ และเป็นที่ถูกจับตามองทุกครั้งไป

ตัวตนคนแบบ “โน้ต” อุดม

คิดว่าตัวเองเป็นคนแปลกหรือเปล่า

ผมชอบคิดว่าคนอื่นแปลกมากกว่า เพราะนั่งรถตู้ไปทำงานกับคนที่ไม่รู้จัก มีบางคนคุยโทรศัพท์ในรถ เกลียดก็เกลียดแต่ก็ต้องฟังมัน แล้วพอถึงที่ทำงานต้องรอลิฟต์อีก นี่แหละประหลาด แต่ก็เคยเจอรุ่นน้องมาถามเหมือนกัน ว่าพี่โน้ตคิดว่าตัวเองเป็นคนปกติเหรอ ไม่เคยคิดเหรอ ว่าตัวเองประหลาด ปกติผมไม่เคยมองมุมนี้มาก่อนเลย คิดแต่ว่าคนอื่นประหลาดมาตลอด สงสัยเราชินกับตัวเราที่เป็นแบบนี้มั้ง แต่ถ้าวัดจากคนใกล้ๆ ตัว ก็ไม่น่าจะปกตินะ

แท้จริงแล้ว “โน้ต” อุดมเป็นคนอย่างไร

ผมเป็นคนอ่อนไหวง่าย จริงจังกับเรื่องไร้สาระ และรู้ว่าตัวเองชอบอะไร แล้วก็เลือกที่จะใช้ชีวิตแบบที่เราชอบ ซึ่งจริงอยู่มันอาจสูญเสียโอกาสบางอย่าง เราอาจจะไม่มีความมั่นคงทางการเงิน ไม่มีอะไรมาการันตีเงินเดือนในแต่ละเดือน แต่เราก็ต้องยอมรับในสิ่งที่เราเลือก ผมมีวิธีคิดง่ายๆ คือถ้าอยากมีชีวิตที่อิสระก็อย่าไปเป็นหนี้ ไม่บ้าแฟชั่น ฉะนั้นไม่ว่าปีนี้แฟชั่นอะไรมาก็ทำอะไรผมไม่ได้ ผมก็จะอยู่เชยๆ ของผมแบบนี้แหละ

เป็นคนมีโลกส่วนตัวสูงหรือเปล่า

เห็นเขาว่าอย่างนั้นนะ แต่ผมกลับคิดว่าเป็นโลกปกติ เพราะคนทุกคนก็ต้องมีพื้นที่ของตัวเอง แล้วค่อยมีสะพานเชื่อมหากันบ้าง แต่ไม่ต้องมาอยู่แบบเบียดๆ กัน ยอมรับเป็นคนไม่ค่อยเปิดให้ใครเข้ามาง่ายๆ ผมมีเพื่อนเยอะ แต่เพื่อนสนิทน้อยมาก เนื่องจากปิดตัวเอง กว่าจะเปิดใจให้ใครเข้ามาในเส้นรัศมีต้องใช้เวลานานเลยแหละ

ทำไมถึงเปิดรับคนยาก

ความจริงผมไม่ได้เป็นอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดหรอก แต่เป็นตอนเข้าวงการ ในชีวิตโดนคนสนิททำให้เจ็บซ้ำน้ำใจ ไม่ว่าจะเรื่องเงิน คนรัก ที่โดนทิ่มแทงข้างหลัง เลยทำให้เราเป็นคนกลัวคน ดังนั้นวิธีปลอดภัยที่สุด ในเมื่อคนเป็นตัวปัญหาก็อย่าไปยุ่งกับคน คนเยอะเรื่องเยอะ เลยทำตัวให้ห่างๆ คน แต่ทุกวันนี้ดีขึ้นเยอะ แง้มให้คนเข้ามาบ้าง แต่ไม่ได้เปิดอ้าซ่า

ที่เป็นแบบนี้อยากทำตัวโดดเด่นหรือเปล่า

ประการแรก ไม่ได้คิดว่าจะทำตัวแตกต่างจากคนอื่นเลย ไม่ได้อยากเป็นเด็กแนว หรือว่าต้องคิดต่างคนอื่น อันนี้ไม่มีในหัว แค่รู้ว่าตัวเองชอบแบบนี้ ชอบอิสระในการใช้ชีวิตแบบนี้ ที่ได้ทำอะไรตามใจ ซึ่งก็หานิยามไม่ได้หรอกว่ามันคืออะไร

komchadluek

กว่าจะมาเป็น “โน้ต” อุดม

อะไรในตัว “โน้ต” อุดม ที่ทำให้คนชอบ

ผมถือว่าเป็นบุญมากที่คนเกิดชอบงานของผม เคยมีคนมาพูดกับผม ว่าพี่โน้ตเป็นคนโชคดีนะ ที่ได้ทำในสิ่งที่ชอบแล้วได้ตังค์ด้วย รู้มั้ยมันไม่ได้เป็นกันได้ทุกคนนะ เออ…ผมก็กลับมาคิดว่าจริง เพราะงานที่ทำอยู่ทุกวันนี้ คือสิ่งที่ชอบทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นวาดรูป เขียนหนังสือ และเดี่ยวฯ นี่รักเลย เป็นสิ่งที่ทำได้ถนัดเลย ได้เล่าเรื่องที่ไปเจอมา แล้วเห็นคนขำไปกับมุกของเรา

ถ้าวันหนึ่งแสดงเดี่ยวฯ แล้วคนไม่ขำกับสิ่งที่เล่าจะทำอย่างไร

นั่นน่ะสิ…ไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อนเลย แต่ก็คงเหมือนโดนธรณีสูบมั้ง ผมคิดว่าผมน่าจะรู้ตัวเร็วนะ เพราะถ้าคนไม่ขำกับเรื่องที่ผมเล่า ผมคงไม่ดันทุรังทำต่อไปหรอก เมื่อถึงเวลานั้นผมคงรู้ตัว คนเรามันจะมีสัญชาตญาณบางอย่างบอกอยู่ ก็คงจะกันตัวเองไปทำอย่างอื่นแทน ผมไม่อายทำกินไม่หมิ่นเงินน้อย เรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ได้ ไม่จำเป็นจะต้องทำเดี่ยวฯ อย่างเดียว แต่ก็ขอทำเดี่ยวฯ 8 อีกสักทีก่อนนะ

ทำไมเดี่ยวไมโครโฟนต้องล้อการเมืองทุกครั้ง

การเมืองสำหรับผมมันก็เหมือนมวยปล้ำ ที่ไม่ได้ต่อสู้กันจริงๆ มันเป็นละคร ต่อยไม่ถูกกันด้วยซ้ำ แต่คนดันเคลิ้มไปจริงๆ กับมัน ฉะนั้นผมจึงไม่รู้สึกตื่นเต้นมากเวลาใครได้เข็มขัด

คิดว่าที่มายืนอยู่ตรงนี้เป็นเพราะพรสวรร์ หรือพรแสวง

ความขยันของผมนี่แหละ ที่ได้พาสิ่งต่างๆ ให้มันเกิดขึ้นกับตัวเองจนมาถึงทุกวันนี้ ในสมัยแรกที่ทำเดี่ยวก็เคยมีไปเล่นแล้วคนไม่ขำเหมือนกัน เลยทำให้เราได้เรียนรู้ศาสตร์แขนงนี้ ได้เรียนรู้จากความผิดพลาด สิ่งเหล่านั้นมันช่วยขัดเกลา ผมไม่ได้เป็นคนเล่าอะไรแล้วตลกทุกเรื่องหรอก ไม่ได้เป็นคนมหัศจรรย์ขนาดนั้น แต่ชอบหาประสบการณ์ ซึ่งประสบการณ์ก็ไม่ได้แปลว่าจะไม่ผิดพลาด แค่พลาดน้อยกว่าคนไม่มีก็เท่านั้นเอง

งานเขียนหนังสือจะออกเมื่อไร

อยากออกเหมือนกัน ใจน่ะอยากเขียนแต่สังขารไม่เอื้อ สายตาไม่ค่อยไหว และไม่โกรธด้วยที่ถูกเรียกว่างานเขียนของผมเป็นขยะวรรณกรรม เพราะจริงๆ ไดอารี่มันเป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา แต่ละวันที่ผ่านมามันก็คือขยะ และผมก็เป็นคนขายขยะที่เก็บเอาเรื่องราวที่เกิดขึ้นมาใช้ใหม่ ยอมรับเมื่อ 10 ปีก่อนโดนว่าอย่างนี้แล้วมีน้อยใจเหมือนกันนะ ซึ่งตั้งใจเอาไว้ ว่างานหนังสือของผม ถ้าเขียนเสร็จก็จะออกทันที เนื่องจากงานเขียนของผมมันได้เป็นต้นกำเนิดของการทำเดี่ยวไมโครโฟน

อาชีพจริงๆ ของ “โน้ต” อุดม คืออะไร

ไม่รู้เหมือนกัน แต่เวลาไปต่างประเทศ ไปโรงพยาบาลแล้วโดนให้กรอกอาชีพ ก็จะบอกไปว่าขายบริการ

นักวางแผนการตลาดให้ตัวเอง

เป็นคนสร้างมูลค่าเพิ่มให้ตัวเองเก่ง
มีคนเขาวิจารณ์มาเหมือนกัน ว่าพี่โน้ตเก่งการตลาดหายไปแล้ว รู้จังหวะการปรากฏตัว มีหมอดูหรือเปล่า ผมไม่เคยมีอะไรเลย และไม่ได้คิดอะไรลึกซึ้งขนาดนั้นหรอก ใช้สัญชาตญาณล้วนๆ เราไม่เคยเรียนการตลาดมา ไม่ได้วางแผนอะไรเลย ก็ทำกันแบบบ้านๆ นี่แหละ

อย่างเดี่ยวฯ คิดอยากทำตอนไหนมีเรื่องเล่าอยากเล่าแล้วก็ทำเลย และไม่เคยไปเรียนที่โรงเรียนทำเดี่ยวไมโครโฟนที่ไหนเลย อยากเรียนเหมือนกันนะ แต่ไม่มีโรงเรียนสอนจะไปเรียนต่างประเทศ ภาษาอังกฤษก็ไม่เก่ง ทุกวันนี้เรียนรู้จากความผิดพลาด โดยใช้ปัญญามากำกับ อย่างตอนที่ออกจากยุทธการขยับเหงือกใหม่ๆ แล้วมาทำเดี่ยวฯ ก็ล้มลุกคุกคลานเหมือนกัน แต่จะถอยหลังก็ไม่ได้ เพราะทุบหม้อข้าวตัวเองมาแล้ว ช่วงแรกๆ เคยมีขึ้นไปเล่าอะไรแล้วคนไม่ขำเหมือนกัน ความเจ็บปวดมันมีนะ ซึ่งเราก็ต้องรับหมดแหละ

ไม่หล่อแต่ได้เป็นพระเอก

หัวเราะ…นั่นน่ะสิ ทุกวันนี้ดูโปสเตอร์รูปตัวเองติดข้างหลังบ้าน ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นพระเอกได้ยังไงเหมือนกัน ส่วนประเด็นการเลือกบทหนังนั้น ใครก็ต้องเลือกบท ผมไม่ได้เป็นนักแสดงฮอลลีวู้ดที่จะเล่นได้ทุกบทบาท

ความฝันสูงสุดอยากทำอะไร

อยากเห็นตัวเองนั่งอยู่บ้านที่เชียงใหม่อากาศโปร่งๆ แล้วผมนั่งวาดรูปอยู่ มีหมาสักตัวหนึ่ง มีเสียงเพลงวิทยุเอเอ็ม หรือเอฟเอ็มก็ได้ ส่วนเหตุผลที่ชอบที่นั่นเป็นเพราะจังหวะชีวิตมันตรงกับผมดี ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าเรียกจังหวะอะไรเป็นจังหวะอะไร เป็นจังหวะต๊ะต๊อนย่อนมั้ง อยู่กรุงเทพฯ มันก็เร็วไป อุปมาถ้าเป็นคู่เต้นรำเขาก็เต้นเหยียบเท้าผม แต่เชียงใหม่เข้ากันได้พอดี และไม่ว่าที่กรุงเทพฯ มีอะไรเชียงใหม่ก็มีอย่างนั้น แต่ที่เข้ามากรุงเทพฯ เนื่องจากงานมันอยู่ที่นี่ และแม่ก็อยู่ที่กรุงเทพฯ ด้วย เลยไปๆ มาๆ แต่สุดท้ายบั้นปลายผมก็อยากไปใช้ชีวิต และไปตายที่เชียงใหม่แน่ๆ เคยชวนให้แม่ไปอยู่ที่นั่นเหมือนกัน แต่ท่านไม่ไปบอกว่าเพื่อนอยู่ที่นี่ ก็เลยตามใจเพราะแม่ทั้งคน

ทุกวันนี้มองว่าตัวเองดังหรือเปล่า

จะไปกล้าตอบได้ไง ผมรู้สึกว่าตัวเองดังตอนอยู่ยุทธการขยับเหงือก จากเด็กต่างจังหวัดคนหนึ่ง เป็นตัวประกอบ แล้วมาทำพิธีกรก็กลายเป็นที่รู้จักมีคนทัก ส่วนทุกวันนี้ที่เป็นอยู่มันเป็นอะไรที่เกินคาดคิดเยอะ

กับหนังเรื่องล่าสุด “อีติ๋มตายแน่” นอกจากแสดงแล้ว ได้เขียนบทเองด้วย

เป็นการเขียนบทหนังครั้งแรก ความจริงแล้ว จะทำหนังร่วมกับต้อม (ยุทธเลิศ สิปปภาค) ตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว แต่จังหวะเวลาไม่ตรงกัน ตอนนี้ว่าง ต้อมก็เลยมาชวน ตอนแรกก็งงจะทำดีหรือไม่ สุดท้ายทำก็ได้ ยอมรับว่ายากกว่าการทำเดี่ยวฯ เนื่องจากหนังจะต้องมีระบบของนายทุนเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เดี่ยวฯ ทำอิสระ ตามใจเรา

พอจะมีเดี่ยวทีไรจะต้องมีงานหนังควบคู่กันมาทุกครั้ง

ไม่เคยสังเกตตัวเองนะ อาจเป็นช่วงจังหวะเวลาพอดี งงเหมือนกัน ก็มีคนบอกแบบนี้ แต่ผมก็ไม่เคยคิดเรื่องนี้นะ ไม่เคยแพลน ว่ามีเดี่ยวฯ แล้วจะต้องเล่นหรือทำหนัง

komchadluek

“โน้ต” กับความรัก

จะแต่งงานกับ “ปลา” อัจฉรา บุรารักษ์ เจ้าของร้านไอศกรีม “iberry” เมื่อไร

กับปลาก็ดี ถ้าขืนตอบว่าคนนี้ไม่ใช่เขาต้องมาตีกบาลแน่ๆ ส่วนเรื่องแต่งงานเราค่อยเป็นค่อยไป ตอนนี้คบกันมา 3 ปีแล้ว มันได้ผ่านช่วงโปรโมชั่นมาแล้ว คราวนี้เป็นช่วงโทรจริง ก็ต้องดูกัน ว่าอะไรมันจะเกิดขึ้น เนื่องจากมันเป็นช่วงที่ตัวจริงของแต่ละคนออกมาทั้งเราและเขา อันนี้แหละชีวิตจริง ก็ต้องดูกันยาวๆ ไม่เชื่อเสียงเชียร์ให้รีบเเต่ง เพราะคนที่อยู่คือผม ตอนนี้เราดูเขา เขาดูเราไปก่อน

มีภาพหลุดอี๋อ๋อกับสาวอื่นที่ไม่ใช่ “ปลา”

อันนั้นอย่าไปถือสาเลย ถ่ายกันเล่นๆ ถ้าจะเอารูปพวกนั้นมาพูดมีเยอะ เป็นพันๆ รูป แทบทุกวันนี้ไม่ต้องเดือดร้อน ผมเป็นคนเจ้าชู้นะ ไม่ได้หยุด แต่มันจะช้าไปเองเป็นช่วงของผู้ชาย ที่ตอนเริ่มแตกหนุ่ม มันก็จะมีดีกรีของมัน แต่ถึงทุกวันนี้อยากเจ้าชู้ สังขารก็ไม่เอื้อ สามทุ่มก็ง่วงแล้ว จะไปเต้นหลีสาว เพลงก็คนละรุ่น สภาพแวดล้อมจะเป็นตัวขัดเกลาเราไปเอง ตอนนี้จะให้ผมไปมีแฟนเด็ก เราจะคุยกันคนละภาษาโต้ตอบกันไม่รู้เรื่อง

น้อยใจหรือเปล่าโดนว่าขี้เหร่แต่ชอบมีแฟนสวย

(หัวเราะ)…ไม่เลย จะไปรู้สึกอะไร ก็จริงอย่างที่เขาพูด ก็เขาพูดถูกแล้ว ทุกวันนี้ส่องกระจกก็รู้ตัวเองดี ว่าตัวเองเป็นยังไง

เขาแหละ…”โน้ต” อุดม

"สินเจริญ วงแตก" มิวสิก ทอล์กโชว์แบบสามหนุ่ม





ข่าวจากคมชัดลึก : ถ้าถามถึงครอบครัวหรรษา เจ้าคารม อารมณ์ดี คำตอบที่ได้ต้องยกให้สามหนุ่มบ้าน "สินเจริญ" หรือที่รู้จักกันในนาม "สินเจริญ บราเธอร์ส" และวันนี้พวกเขาทั้งสาม "บอม" สุทธิศักดิ์ "เบิ้ล" ธีรยุทธ "บอย" ธนัญชัย ขอลุกขึ้นมาทำโชว์ตามสไตล์ที่เป็นเอกลักษณ์กับ "มิวสิก ทอล์กโชว์" ที่พวกเขาบอกว่าอาจจะไม่โก้ แต่ขอโชว์ให้มันสุดใจ ใน “สินเจริญ วงแตก” ซึ่งจะมีขึ้นในวันเสาร์ที่ 30 พฤษภาคมนี้ ที่โรงหนังสกาล่า


โดยครั้งนี้จะมีแขกรับเชิญมากหน้าหลายตาที่จะมาเซอร์ไพรส์เต็มเวที ไม่ว่าจะเป็น บิลลี่ โอแกน "จิ๊บ" วสุ แสงสิงแก้ว หมอตุ้ย x-ray "กาละแมร์" พัชรศรี เบญจมาศ อุดม แต้พานิช ที่ไม่เคยไปเป็นแขกรับเชิญให้ใคร รวมถึงพระเอกลูกครึ่งวัยรุ่นที่ฮอตที่สุดของเมืองไทยกับลีลาฮิพฮอพที่ยังขออุบไว้ก่อน

"จากคอนเสิร์ตครั้งแรกเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ผ่านมาถึงวันนี้ มีเพลงและเรื่องราวมากมายที่น่าสนุก น่าสนใจ อยากร้อง อยากเล่าให้คนได้ดู จากดนตรีอะคูสติกแบบสินเจริญ ก้าวเข้ามาเป็นวงดนตรีวงใหญ่แบบเต็มรูปแบบ สีสันของดนตรี เพลงใหม่ที่แต่งขึ้นมา รวมถึงเพลงเก่าที่อยากนำเอามาเล่นใหม่ การแสดงร่วมกับแขกรับเชิญ คนพิเศษหลายคน เป็นสิ่งที่ทำให้โชว์ครั้งนี้เกิดขึ้น" สามหนุ่มช่วยกันเล่าถึงที่มาของมิวสิก ทอล์กโชว์ครั้งนี้

เมื่อถามถึงคอนเซ็ปต์ของมิวสิก ทอล์กโชว์ พวกเขาพูดสั้นๆ ว่า สนุก...มัน...เซอร์ไพรส์ เต็มไปด้วยความสุข รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะจนวงแตก

"คอนเสิร์ตครั้งนี้จะเป็นมิวสิก ทอล์กโชว์แบบสินเจริญ ร้องและเล่นดนตรี สลับกับการพูดคุยแบบทอล์กโชว์ที่จะลื่นไหล กลมกลืนกันไป บนความสนุกของคนดูที่จะได้รับตลอดเวลาการแสดง นอกจากนี้ความพิเศษยังอยู่ที่แขกรับเชิญของเรา ซึ่งเป็นซูเปอร์สตาร์ของเมืองไทย อย่าง "โน้ส" อุดม ที่ไม่เคยขึ้นเวทีเป็นแขกรับเชิญให้ใครมาก่อน แต่จะมาขึ้นคอนเสิร์ตเดี่ยวไมโครโฟนร่วมกับเราเป็นครั้งแรก ที่สำคัญยังเป็นที่ปรึกษาพิเศษที่ใกล้ชิดกับเราตลอดเวลา จึงรับประกันความสนุก ความมันแบบ 1,000%

ยังไม่หมดยังมี กาละแมร์ อดีตรักอันลือลั่นของ บอย สินเจริญ จะหวนกลับมาจุดถ่านไฟเก่าให้คุโชนและเป็นช่วงเวลาแห่งการวงแตกของจริง เพราะบนเวทีคืออดีตรัก แต่ด้านล่างเวทีจะถูกจับตามองโดย "ตุ๊กตา" อินทิรา แดงจำรูญ ต้องคอยลุ้นกันให้ดี รวมถึงการกลับมาของบิลลี่ เข้ม เต็มความร็อกที่ผู้ชมจะได้ทั้งโดด ทั้งเต้น ร่วมตะโกนร้องเพลง แห่งความทรงจำ

นักร้องที่ห่างหายจากเวทีคอนเสิร์ตใหญ่มานาน อย่าง วสุ แสงสิงแก้ว ที่จะกลับมากับบทบาทที่ทุกคนคิดถึงทั้ง ร.ด.เด็กไทยผมเกรียน และ เอลวิส ไม่เคยตาย รวมถึงครั้งแรกบนเวทีคอนเสิร์ตกับการพิสูจน์ สิ่งลี้ลับ เอกซเรย์กันให้เห็นจะจะกับหมอตาทิพย์ชื่อดัง หมอตุ้ย เอกซเรย์"

ในเรื่องของเพลงที่จะนำมาร้อง สามหนุ่มบอกว่าจะได้ดูเพลงใหม่ของสินเจริญที่ไม่เคยเล่นที่ไหนมาก่อน และจะเป็นครั้งแรกที่สินเจริญจะร้องเพลงสากลให้ประสบความสำเร็จซะที และเพลงฮิตของแขกรับเชิญแต่ละคนที่สินเจริญจะร่วมร้องด้วย

"ถึงเวลาที่เราทุกคนจะเรียกร้องความสุขกลับคืนมา สินเจริญวงแตก อยากให้ทุกนาทีในการแสดงเป็นความสุข และความสนุกที่กลับคืนมาให้แก่คนไทย" หนุ่มๆ กล่าวทิ้งท้าย

มิวสิก ทอล์กโชว์ครั้งนี้ จะมีขึ้น 2 รอบ เวลา 14.00 น. และ 19.00 น. บัตรราคา 1,800 บาท 1,500 บาท และ 1,000 บาท จองบัตรได้ที่ไทยทิคเก็ตเมเจอร์ทุกสาขา

ข้อคิดดีๆ จากพี่อุดม แต้พานิช



ข้อคิดดีๆ จากพี่อุดม 

ความรู้มากๆบางที่เหมือนกำแพงอิฐที่เรียงตัวสูง
ความรู้สูงกำแพงสูง  ความรู้รอบด้านก็เหมือนกำแพงสูงรอบตัว
บางครั้งมันอาจทำให้มองออกไปไม่เห็นอะไร นอกจากกำแพงที่ตนเองก่อขึ้นมา

กลิ่นของความรักก็เช่นเดียวกับห้องน้ำ  เข้าไปแรกจะรู้สึกว่าได้กลิ่น
อยู่ในนั้นนานๆไปจะเคยชิน จนลืมว่ามีกลิ่นนั้นอยู่
จนกว่าจะอกมาจากบริเวณนั้น แล้วกลับเข้าไปใหม่

ถ้าเรารักใครซักคน
เราควรเปิดโอกาสให้เค้าทำผิดพลาดหลายๆครั้ง
เพราะเราเองก็ต้องโอกาสอย่างนั้นเช่นกัน


อย่าบอกเลยว่าเป็นคนดี  
ความยิ่งยโส ก็มีอยู่ในคนถ่อมตัว
ครูที่สอนนักเรียน ก็มีความโง่ซ่อนอยู่
ความขลาดกลัว ก็มีอยู่ในนักมวยแชมป์โลก 
ความเบื่อหน่าย ก็มีอยู่ในพนักงานต้อนรับที่กระตือรือร้น
ความเห็นแก่ตัว ก็มีอยู่ภายในใจของนักสังคมสงเคราะห์
มันอยู่คู่กัน รอวันปรากฏตัวออกมา
ถ้าสันดานห่วยๆ มันเป็นกระดาษ
เรามีแค่หินทับกระดาคนละก้อน
ลมกิเลศพัดมาก็ขึ้นกับว่า ก้อนหินใครก้อนใหญ่พอ
ที่จะทับมันไว้ไม่ให้ปลิวเพ่นพ่านเท่านั้นเอง

มาอ่านลายมือพี่โน้ส อุดมแต้พานิชกัน

ลายมือของพี่โน้สอุดม แต้พานิชของพวกเราครับ ลายมืออ่านยากเป็นบ้าเลยครับ หามาได้แค่ 4 ภาพ ครับน่าสนใจเป็นเอกลักษณ์ครับ เห็นปุ๊ปรู้เลย ไม่ต้องมีรูปก็พอดูออกว่าเป็นลายมือของพี่โน้สเรา เอาล่ะมาแปลกันใครแปลได้ช่วยหน่อยละกันครับ 

1.2.3.4.





5.28.2009

กิจกรรม กลุ่มอุดมแฟนคลับ

กิจกรรมมีตติ้งของกลุ่มอุดม แฟนคลับครับ (ครั้งที่ 1.75)

ครั้งนี้นัดกันไปกินสุกี้ฮอตพอตกันครับ นัดกันบ่ายโมงแต่ไปกันจริงๆ 10 โมงกว่าคนก็พร้อมกันแล้ว สมาชิกกลุ่มมีกันดังนี้ครับ 
  1. ลุงคิงส์
  2. ต้อง
  3. กิ๊ก
  4. สิ
  5. เหมียว
  6. นัท(คนนี้มาหลังสุดเพราะติดธุระ)
เิริ่มต้นครับลุงคิงส์ตื่นมาดูการ์ตูนดาก้อนบอลตอน 8 โมงครึ่งแล้วพี่น้องต้องของเราก็โทรมาชวน 

ต้อง : ลุงๆ ว่างหรือเปล่าครับ
ลุงคิงส์ : (งัวเงีย ๆ) อ่อ..ว่างครับว่างๆ..
ต้อง : ไปกรุงเทพกันครับพี่ มีกิ๊ก นัท แล้วก็สิ หลายคนเลย 
ลุงคิงส์ : ไปกี่โมงต้อง
ต้อง : เดี๋ยวผมไปรับลุงตอน 9 โมงนะครับ
ลุงคิงส์ : อ่า..โอเค ( เหวย ตูยังไม่ได้อาบน้ำเลย รีบ ๆ ๆ )

8.45 น. เสียงโทรศัพท์ก็ดัง ขึ้น 
ต้อง : ลุงๆ ผมมาคอยหน้าบ้านแล้ว..
ลุงคิงส์ : เออๆ เดี๋ยวพี่แต่งตัวแปปนุง ...

 
และแล้ว 9 โมงเช้าเราก็เดินทางจากศรีราชา ชลบุรี ไปถึง ที่กรุงเทพโดยถามทางสาว กิ๊ก ซึ่งคุณเธอบอกทางได้หลงดีมาก ... เราสองคนก็ถึง บิ๊กซีลาดพร้าวตอน 11.00น. 

แต่ว่าเรานัดกันตอนบ่ายโมงนี่หว่า อ้าวมากันเกือบครบแล้วขาดก็แต่ นัทสาวสวยอีกคนที่ติดงานยังมาไม่ถึง เราทั้ง 5 คน ก็เลยไปตามคำชวนของสาวกิ๊กว่าให้ไปหาอะไรทานกันก่อนดีกว่า โดยสาวกิ๊กเธอนำไปร้านอาหารก้ามปู ซึ่งบรรยากาศดีมั่ก..มาก... เราสั่งกาแฟกันคนละแก้วแล้ว ระหว่างรอ..ก็เป็นไปตามรูปครับ


ร้านอาหาร บ้านก้ามปูครับบรรยากาศดีมากๆ


นี่เป็นมุมหนึ่่งตรงใกล้ๆ กับที่พวกเรานั่งกินกาแฟกัน


ระหว่างรอกาแฟมาเสริฟเราก็ถ่ายรูปกันอย่างบ้าคลั่ง

บรรยากาศร้านดีมากครับ กว้างและเหมาะแก่การถ่ายรูป
แต่เอาละเหวยพวกเรา5คนไม่มีใครเอากล้องมาเลย
ก็เลยใช้มือถือถ่ายกันไปพลาง คุยโม้กันไปพลาง

แล้วก็รอจนนัทสาวสวยมาถึง
พระเจ้า..

เธอเอากล้องมาด้วยครับ 
เราก็เริ่มถ่ายรูปกันอย่งบ้าคลั่งอีกครั้ง

เราถ่ายรูปโดยทุกๆ มุมเป็นมุมโปรด 
ก็มันสวย มันหล่อกันทุกมุมนี่



รูปสวยรูปหล่อถูกใจ
ใครเป็นใครดูกันเอาเอง